คู่มือเกมไพ่ฉบับเข้าใจง่าย
THE WORLD OF PLAYING CARD 101
นี่คือคู่มือฉบับเข้าใจง่าย ที่จะนำคุณไปสู่เรื่องราวราวอันน่าเหลือเชื่อเกี่ยวกับ เกมไพ่ (card game) ทั้งในด้านข้อมูล วิธีการเล่น รวมถึงประวัติความเป็นมาต่าง ๆ รับรองว่าคนที่ชอบเล่นไพ่จะต้องร้องว้าวแน่นอน
สารบัญ : คู่มือเกมไพ่ฉบับเข้าใจง่าย
ต้นกำเนิดของเกมไพ่
โรเบิร์ต เทมเพิล ผู้เขียนหนังสือ ต้นกำเนิด 100 สิ่งแรกของโลกกล่าวว่า “เกมไพ่คนจีนเป็นผู้คิดค้น และเกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 9 เป็นอย่างต่ำ” จากนั้นชาวอาหรับเป็นผู้ที่นำเกมไพ่เข้ามาเผยแพร่ในยุโรป
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 การเล่นไพ่ในยุโรปเริ่มได้รับความนิยมอย่างมาก ถึงขั้นมีคำสั่งห้ามและออกกฎหมายควบคุมเป็นพิเศษ
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
เคยสงสัยไหมครับว่า ทำไม โพดำ โพแดง ข้าวหลามตัด และ ดอกจิก จึงมีแค่สีดำกับสีแดง
…เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ
ไพ่ที่ใช้เล่นกันสมัยก่อน (ดูได้จากภาพประกอบ) มีสีสันบวกกับลวดลายที่สวยงาม
แต่ในแง่ธุรกิจแล้ว ไพ่หนึ่งสำรับ ใช้เวลาในการผลิตนานเกินไป และการลดความซับซ้อนดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 15 ฝรั่งเศสตัดสินใจเปลี่ยนให้สีของไพ่ให้เหลือแค่แดงและดำ และดูเหมือนพวกเขาจะคิดถูกซะด้วย
เพราะหลังจากการเปลี่ยนแปลง ฝรั่งเศสกลายเป็นประเทศที่มีกำลังการผลิตไพ่ออกสู่ตลาดได้มากที่สุดในโลก แซงหน้าเยอรมันที่เคยเป็นแชมป์เก่าไปเลย
และไม่ใช่แค่สีของไพ่เท่านั้น ฝรั่งเศสยังเป็นต้นกำเนิดของเกมไพ่สุดฮิตอย่าง บาคาร่า และ แบล็คแจ็คอีกด้วย
วลียอดฮิต ที่มีต้นกำเนิดมาจากเกมไพ่
เชื่อหรือไม่ว่าคำบางคำที่เราใช้กันในชีวิตประจำวันมีต้นกำเนิดมาจากวงไพ่ ตัวอย่างเช่น
to follow suite
มีที่มาจากลักษณะของผู้เล่นที่ชอบลงไพ่ตามดอกที่มีอยู่ก่อนหน้า
ซึ่งในยุคปัจจุบันเราจะใช้คำว่า to follow suite นิยามบุคคลที่ชอบทำเลียบแบบคนอื่น
come up trumps
เป็นวลียอดฮิตที่มาจากเกมไพ่ Triumph ซึ่งในศตวรรตที่ 16 จะใช้คำว่า turn up trumps เป็นคำพูดที่บอกว่าคุณจั่วไพ่ได้ดี หรือมีโอกาสชนะสูงนั่นเอง
ต่อมาในศตวรรตที่ 18 วลีนี้ได้เปลี่ยนเป็น come up trumps และใช้แทนความหมายว่า คุณเป็นคนที่มีโชค หรือประสบความสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ
ความหมายของไพ่
ไพ่ 1 สำรับ มี 52 ใบ และไพ่ทั้ง 52 ใบ มีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่ ดูได้จากการแบ่งไพ่ออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรก มี 26 ใบ เป็นสีแดง หมายถึงโลกฝั่งตะวันออก หรือโลกที่ได้รับแสงสว่าง
ส่วนที่สอง มี 26 ใบเช่นกัน เป็นสีดำ หมายถึงโลกฝั่งตะวันตก หรือโลกที่ไม่ได้รับแสงนั่นเอง
ต่อไปเรามาดูความหมายของดอก และตัวไพ่กันบ้างดีกว่า
Jack Queen และ king
J Q และ K เป็นตัวแทนความเป็นธรรมชาติของมนุษย์
ไพ่ J หมายถึงชายหนุ่ม ไปจนถึงวัยกลางคน
ไพ่ Q หมายถึงหญิงสาว
ไพ่ K หมายถึงราชา หรือจะหมายถึงผู้สูงอายุก็ได้เช่นกัน
จากภาพประกอบ เราจะเห็น J ดอกจิก หันหลังให้กับตัวดอก ส่วน K จะหันข้าง ลักษณะของไพ่สื่อความหมายได้ว่า
ในวัยขณะที่เรายังเป็นเด็ก มักจะไม่ชอบหาความรู้ เอาแต่เที่ยวเล่นไปตามวัน ๆ แต่พอก้าวเข้าสู่วัยรุ่น เราจะเริ่มสนใจที่จะไฝ่หาความรู้มากขึ้น
ต่อมาคือไพ่ ข้าวหลามตัด J จะหันข้างให้กับตัวดอก ส่วน K จะมองไปที่ดอกโดยตรง
ความหมายของไพ่ทั้งสองก็คือ วันรุ่นหรือเด็กหนุ่มมักไม่สนใจในทรัพย์สินเงินทอง หามาได้เท่าไหร่ก็ใช้เท่านั้น ไม่มีการประหยักเก็บออม แต่พออายุเยอะขึ้น ก็เริ่มวางแผนการใช้ชีวิต และใส่ใจกับทรัพย์สินเงินทองมากยิ่งขึ้น
ส่วนไพ่โพแดง จะสังเกตได้ว่า J มองไปที่ดอกตรง ๆ ความหมายก็คือ วัยรุ่นมักจะสนใจเรื่องของความรักเป็นพิเศษ กลับกัน K จะหันข้างให้กับตัวดอก สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า ความสนใจในเรื่องของความเริ่มลดน้อยลง และหันหน้ามองไปที่สิ่งอื่นแทน
และไพ่ชุดสุดท้าย โพดำ เป็นไพ่ที่ J Q และ K ไม่มีใครเลยหันหน้าเข้าหาดอก สิ่งนี้สื่อความหมายได้ว่า ทั้งเด็ก วัยรุ่น และคนแก่ ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ต่างก็กลัวความตายกันทั้งสิ้น
โพแดง
หมายถึงความรัก และยังเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความรู้สึกที่ได้รับการยอมรับ
โพดำ
หมายถึง ความตาย นอกจากนี้มันยังเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในชีวิต
ข้าวหลามตัด
หมายถึง ทรัพย์สินเงินทอง
ดอกจิก
หมายถึง ความรู้ และพลังงานเชิงบวก
ทำไมไพ่ 1 สำรับ ถึงต้องมี 52 ใบ?
คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไม? ไพ่ 1 สำรับ ถึงต้องมี 52 ใบ
นั่นเป็นเพราะว่าไพ่ 1 สำรับ หมายถึง 1 ปี และไพ่ทั้ง 52 ใบก็คือจำนวนสัปดาห์ใน 1 ปี นั่นเอง
ไม่เพียงเท่านี้นะ ไพ่ 1 สำรับยังสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ชุด ซึ่งแต่ละชุดจะมีทั้งหมด 13 ใบ สิ่งเหล่านี้หมายถึงข้างขึ้นและข้างแรม
และที่น่าสนใจไปกว่านี้ก็คือ ไพ่ทั้งหมด ไม่นับรวม joker ถ้าเรานับแต้มของไพ่รวมกันก็จะได้ 364 แต้มพอดี
ส่วน joker มีค่าเท่ากับ 1 แต้ม ถ้าเอามารวมกันก็จะได้ 365 แต้ม เท่ากับจำนวนวันในหนึ่งปีพอดีเลย
แต่เดี๋ยว! มันมี joker 2 ใบหนิ
ใช่แล้ว ใบที่ 2 จะแทนปี ที่เดือนกุมภาพันธ์มี 29 วัน
การดูแต้มไพ่เบื้องต้น
นี่เป็นแต้มแบบพื้นฐานเท่านั้น สำหรับเกมไพ่บางประเภท จะมีกติกาการนับแต้มที่ต่างกัน อาทิเช่นเกมแบล็คแจ็ค ค่าของไพ่ K ก็คือ 10 แต้ม ส่วนเกมไพ่เสือมังกร ค่าของไพ่ K ก็คือ 13 แต้ม และจะมีบางเกมที่ไพ่ K มีค่าเท่ากับ 0 เช่น บาคาร่า เป็นต้น
โครงสร้างพื้นฐานของเกมไพ่
หัวข้อที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นเพียงโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น สำหรับเกมบางประเภท จะมีกติกาที่เป็นแบบเฉพาะมากกว่านี้
จำนวนผู้เล่น
องค์ประกอบหลักที่จำเป็นต่อการเล่นไพ่ก็คือผู้เล่น สำหรับ card game บางประเภทสามารถเล่นคนเดียวได้ แต่ส่วนใหญ่เกมที่ได้รับความนิยมจะใช้จำนวนผู้เล่น 2 ถึง 6 คน
ทิศในการเล่น
ปกติแล้วถ้าเราเล่นกับเพื่อน หรือวงไพ่ทั่วไป เคยสังเกตไหมว่าจะเล่นแบบวนซ้าย หรือทวนเข็มนาฬิกา แต่ถ้าเราอยู่ในอเมริกาเหนือหรือออสเตรเลีย เราจะพบว่าพวกเขามีทิศทางในการเล่นแบบวนขวา
นั่นเป็นเพราะค่านิยมแบบดั้งเดิม โดยคนเอเชียจะชอบเล่นแบบทวนเข็ม ส่วนอเมริกาเหนือจะคุ้นชินกับการเล่นตามเข็มนาฬิกามากกว่า
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าคุณจะชอบเล่นแบบไหน กติกาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด นอกเสียจากคุณจะอยู่ในเกมที่มีกติกาแบบพิเศษ
ข้อตกลงในการเล่น
แน่นอนว่าทุกครั้งที่จะเล่น เราต้องทำข้อตกลงกันก่อน ถ้าหากเป็นการเล่นในหมู่เพื่อน ควรกำหนดว่าใครเป็นคนแจกไพ่ ใครเป็นคนสับไพ่ และกำหนดบทบาทของเจ้ามือ (สำหรับเกมที่ต้องมีเจ้ามือ) นี่เป็นข้อกำหนดขั้นพื้นฐาน ในบางครั้งเราอาจเพิ่มกติกาพิเศษสำหรับเกมบางชนิด อาทิเช่นเก้าเก เราต้องกำหนดเงื่อนไขว่าไพ่แบบไหนใหญ่สุด เพราะเกมเก้าเกแต่ละที่อาจเล่นไม่เหมือนกัน
นอกจากนี้ถ้าเราเล่นไพ่แบบออนไลน์ ซึ่งเรื่องข้อตกลงและกติกาเราไม่สามารถไปปรับเปลี่ยนได้ เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่ใช้บริการเกมไพ่ออนไลน์ คุณควรศึกษาและอ่านข้อตกลงให้ถี่ถ้วน
รายชื่อเกมไพ่
เราจะพาไปดูเกมไพ่ที่ได้รับความนิยมทั้งในไทยและต่างประเทศ คลิกที่ชื่อเกมเพื่อดูวิธีการเล่น กติกาและประวัติความเป็นมาได้เลยครับ
ป๊อกเด้ง เกมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด วิธีการเล่นไม่ซับซ้อน ใช้ไพ่แค่ 1 สำรับ ส่วนตัวเกม ปกติแล้วจะนิยมเล่น 4 คนขึ้นไป แบ่งเป็นเจ้ามือ 1 และที่เหลือคือผู้เล่น
ไพ่แคง เกมไพ่พื้นบ้านที่มีต้นกำเนิดมาจากภาคใต้ของประเทศไทย ปัจจุบันตัวเกมค่อนข้างเป็นที่นิยม เพราะมีบริษัทผู้พัฒนาเกมออนไลน์ นำเอาไพ่แคงมาผลิตลงสู่แอพพลิเคชั่นมือถือทำให้เข้าถึงได้ง่าย และเปิดให้ใช้บริการแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายด้วย
โป๊กเกอร์ เป็นเกมที่เซียนพนันหลายท่านชื่นชอบ เพราะต้องใช้หลักการและเหตุผลเพื่อวิเคราะห์คู่แข่ง การจะเล่นโป๊กเกอร์ให้ชนะ คุณต้องอ่านสีหน้าท่าทางของผู้เล่นฝั่งตรงข้ามให้ได้ ไม่อย่างนั้นอาจเป็นคุณที่ถูกอ่าน และเป็นเหยื่อของเกมในที่สุด
เก้าเก ใช้ทฤษฎีเดียวกันกับโป๊กเกอร์ ต้องวิเคราะห์ไพ่ในมือคู่แข่งให้ได้ ส่วนใหญ่จะเล่นกัน 3 ถึง 6 คน และชิงไหวชิงพริบกันเพื่อหาผู้ชนะเพียงหนึ่ง
สลาฟ เกมที่มีผู้เล่น 4 ตำแหน่ง ใช้ไพ่ 1 สำรับในการแข่งขัน มีการเล่นทั้งหมด 2 รอบ กติกาต่าง ๆ ค่อนข้างเข้าใจง่าย
ดัมมี่ เกมที่มีผู้เล่น 4 ตำแหน่งเช่นกัน ตัวเกมค่อนข้างที่จะใช้ความคิดนิดหน่อย ผู้เล่นต้องมีการทิ้งไพ่และจั่วไพ่ ซึ่งในส่วนนี้ ผู้เล่นจำเป็นจะต้องรอบคอบพอสมควร
ไพ่นกกระจอก เกมไพ่ที่มีต้นกำเนิดมาจากจีน สำหรับบ้านเราอาจพบเห็นไม่บ่อยนัก เพราะหาเล่นได้ยาก และเป็นเกมที่มีไพ่รูปแบบเฉพาะของตนเอง ส่วนใหญ่จะนิยมเล่นกันในบ่อนมากกว่า
ไพ่บริดจ์ เป็นเกมไพ่กึ่ง ๆ เกมกีฬา ใช้ไพ่ 52 ใบในการเล่น ใช้ผู้เล่นทั้งหมด 4 คน การเริ่มเล่นจะแจกไพ่ทั้งหมด 13 ใบให้กับผู้เล่นแต่ละคน
สมสิบ หรือผสมสิบ ใช้ผู้เล่นทั้งหมด 4 ถึง 6 คน ตัวเกมต้องใช้ทักษะในการเล่นค่อนข้างมาก เพราะเราต้องอ่านผู้เล่นฝั่งตรงข้ามให้ออก ในด้านเทคนิคแล้วคล้าย ๆ โป๊กเกอร์และเก้าเก
บาคาร่า อีกหนึ่งเกมของคาสิโนที่ได้รับความนิยมสูงมาก เสน่ห์ของเกมอยู่ที่ความรวดเร็วในการเล่น กติกาบางส่วนคล้ายกับไพ่ป๊อกเด้ง มีป๊อก 8 ป๊อก 9 แต่จะไม่มีไพ่เรียงและตอง
ยุทธวิธี ที่นักเล่นต้องมี
ในบางเกมอาจเป็นเรื่องง่ายที่คุณจะเล่นมัน แต่รับรองเลยว่าไม่ใช่กับทุกเกมแน่นอน ดังนั้นเราจะมาบอก 4 ทักษะที่นักเล่นควรจะมี
1. วิธีการ
สิ่งสำคัญอย่างแรกที่นักเล่นควรจะมีก็คือ กลวิธีต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่แล้วอาจจะเป็นเทคนิค หรือสูตรที่แต่ละคนคิดค้นขึ้น แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม คุณควรพกมันติดตัวไว้ก่อนเริ่มเกมเสมอ
2. การสังเกต
เซียนไพ่หลายคนร่ำรวยได้จากทักษะนี้ เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เล่น หรือเจ้ามือ นี่เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้แน่นอน ไม่ว่าจะสังเกตสีหน้าท่าทาง หรือการจับผิด
3. ความจำ
ถ้าคุณมีทักษะด้านความจำ สิ่งต่อไปที่จะตามมาคือก็เงิน ความจำช่วยเราได้ในหลาย ๆ เรื่อง อย่างเช่นเกมแบล็คแจ็ค ถ้าคุณสามารถจำหน้าไพ่ที่เปิดไปแล้วได้ทุกใบ คุณจะเป็นฝ่ายคุมเกมเหนือเจ้ามือทันที
4. ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์
เคยได้ยินไหม เล่นแบบเดิมยังไงก็เสีย หากคุณยังคงยึดติดอยู่กับวิธีหรือเทคนิคเดิม ๆ คุณจะไม่มีทางเอาชนะคู่แข่งหรือเจ้ามือได้แน่นอน เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณต้องมีคือการรู้ตัวเองว่าตอนไหนควรปรับ ตอนไหนควรเปลี่ยน